วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559




เอ็ด วิน ฟาน เดอร์ ซาร์

เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เป็นนักฟุตบอลคนหนึ่งที่มีประสบการณ์สูง มีเหรียญรางวัลมากมายที่การันตีความมีประสบการณ์ของเขา รวมไปถึงการเป็นผู้รักษาประตูให้กับทีมชาติฮอลแลนด์ อีกเกือบ 100 นัด ความสามารถของเขามีมากมายโดยไม่ต้องสงสัย เขามีความคล่องแคล่วว่องไว รวมทั้งเป็นผู้รักษาประตูที่เซฟลูกกลางอากาศได้ดีมากคนหนึ่งด้วย

เอ็ดวิน เป็นนักฟุตบอลชาวดัทช์ คนที่หกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อจากอาร์โนลด์ มูร์เรน, ไรม่อน ฟาน เดอร์ ฮาว, จอร์ดี้ ครัฟฟ์, ยาป สตัม และ รุด ฟาน นิสเตลรอย
เขาเติบโตมาในทีมเยาวชนของ อาแจ็กซ์ และเขาก็คว้าแชมป์ยุโรปเป็นครั้งแรกของตัวเองกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เมื่อทีมของเขาสามารถเอาชนะโตริโน่ ได้ในศึกยูฟ่า คัพ ปี 1991/92 โดยในปี 1996 เขาสามารถทำประตูได้ 1 ลูกด้วย
แชมป์ยุโรปครั้งที่สองของเขาเกิดขึ้น 3 ปี หลังจากนั้น เมื่อเขามีส่วนช่วยให้ทีมเอาชนะเอซี มิลาน ในปี 1994/95 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ในปีต่อๆ มาเขาก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้เมื่อทีมของเขาพ่ายจุดโทษต่อ ยูเวนตุส ในปี 1996
อาชีพค้าแข้งของเขากับ อาแจ็กซ์ ยังทำให้เขาได้คว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ รวมทั้งแชมป์ลีกฮอลแลนด์อีก 4 ครั้ง ก่อนที่เขาจะย้ายไปเล่นให้กับทีมยักษ์ใหญ่จากอิตาลีอย่าง ยูเวนตุส ในปี 1999 ซึ่งในปีนั้นเองที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้ให้ความสนใจที่จะคว้าตัวเขามาแทนที่ ปีเตอร์ ชไมเคิล แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
หลังจากสองฤดูกาลในตูรินกับยูเวนตุส เขาก็ต้องมองหาทีมใหม่เมื่อ ยูเว่ ได้เซ็นสัญญาซื้อตัว จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน เข้ามา และในตอนนั้นเอง ฌอง ติกาน่า ของฟูแล่ม ก็ไม่รอช้าที่จะคว้าตัวเขาเข้าไปร่วมทีม ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์ และ ฟาน เดอร์ ซาร์ ก็ลงเล่นนัดแรกให้กับฟูแล่ม ในนัดที่พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2001

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559



รึด คืลลิต

    รืด คึลลิต มีชื่อจริงว่า รือดี ดิล เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลและอดีตนักฟุตบอลชาวดัตช์ซึ่งเล่นฟุตบอลอาชีพอยู่ในคริสต์ทศวรรษ 1980 และคริสต์ทศวรรษ 1990 เขาเป็นกัปตันทีมชาติเนเธอร์แลนด์ซึ่งชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1988 และเป็นหนึ่งในผู้เล่นทีมชาติชุดที่ลงเล่นในฟุตบอลโลก 1990 ในระดับสโมสร ใน ค.ศ. 1987 คึลลิตย้ายจากเปเอสเฟมายังเอ.ซี. มิลาน ด้วยค่าตัวสูงเป็นสถิติโลกในเวลานั้น เขาเป็นที่จดจำได้ง่ายด้วยทรงผมเดรดล็อกอันโดดเด่น เขาได้รับฉายาว่า ไอ้หัวงูเก็งก็อง และเป็นหนึ่งในสามทหารเสือดัตช์ที่มีชื่อเสียงแห่งมิลาน (อีกสองคนได้แก่ มาร์โก ฟัน บัสเติน และฟรังก์ ไรการ์ด) คึลลิต เป็นแชมป์เซเรียอา 3 สมัย และยูโรเปียนคัพ 2 สมัยร่วมกับสโมสรนี้

คึลลิตได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรปใน ค.ศ. 1987 และผู้เล่นแห่งปีของนิตยสารเวิลด์ซอกเกอร์ใน ค.ศ. 1987 และ ค.ศ. 1989 โดยปกติเขาจะเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก แต่ก็สามารถเล่นได้หลายตำแหน่งในช่วงอาชีพนักฟุตบอลของเขา ใน ค.ศ. 2004 เขามีชื่ออยู่ในรายชื่อนักฟุตบอลยอดเยี่ยม 125 คน ที่ยังมีชีวิตอยู่ ในฐานะส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งฟีฟ่า นอกจากนี้ คึลลิตยังเคยทำงานรณรงค์การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 ของเนเธอร์แลนด์กับเบลเยียมอีกด้วย







มาร์โก แวน บาสเท่น

   มาร์โก แวน บาสเท่น ( Marco Van Basten ) เขาได้รับฉายาว่า  เพชรฆาตพรายกระซิบ” มาร์โก แวน บาสเท่น ดาวยิงเจ้าของรางวัล บัลลงดอร์ปี 1988,1989,1992 ถ้าจะเอ่ย ถึงตำแหน่งกองหน้าที่เก่งๆในฟุตบอลโลกซักคน คงจะต้องมีชื่อเขา คนนี้แน่นอน มาร์โก แวน บาสเท่น ยอดศูนย์หน้าชื่อก้องโลกของทีมชาติฮอลแลนด์ แวน บาสเท่น เกิดเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ปี 1964 ที่เมืองอูเทร็คท์ และ ได้เริ่มเข้าร่วมทีมอาแจ็กซ์ จากทีมสมัครเล่นอีลิงค์วิก ในปี 1981 ด้วยพรสวรรค์และความเก่งเกินวัยทำให้เขาพุ่งขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ ของอาแจ๊กซ์เมื่ออายุเพียง 17 ปี โดยเป็นตัวสำรองแทน “นักเตะเทวดา” อย่าง โยฮัน ครัฟฟ์

แวน บาสเท่น ถูกจับตามองอย่างมากเมื่อเขาติดทีมฮอลแลนด์ ชุดเยาวชนโลกที่เม็กซิโก เมื่อปี 1983 ซึ่งตัวเขาเองสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม
ผลงานในสโมสรอาแจ๊กซ์ ของแวน บาสเท่น ไม่ธรรดาเลย เมื่อยิงประตู ได้ทั้งสิ้น 128 ประตู ซึ่งเป็นสถิติที่เฉลี่ยแล้วเกือบยิงทุกนัดที่ลงสนาม ความเป็นดาวซัลโวที่ฉายแสงอย่างสุดยอดของเขาในทีมอาแจ๊กซ์ ทำให้สโมสรขาย วิฟ เคี้ยฟ ดาราเท้าทองแห่งยุโรปในปี 1982 ออกจากทีมไปในปี 1983

แวน บาสเท่น ยังสำแดงเดช ยิงประตูให้อาแจ๊กซ์เป็นว่าเล่น จนสามารถนำทีมคว้าแชมป์คัพวินเนอร์คัพ มาครองได้ในปี 1987 และในปีนั้นแวน บาสเท่น กดไปถึง 31 ประตู ด้วยผลงนอันยอดเยี่ยมนี่เอง ทำให้ ทีมปีศาจแดงดำ เอซี มิลาน มาซื้อตัวเขาในราคา 1.5 ล้านปอนด์ ( ประมาณ 80 ล้านบาท) โดยต้องแย่งกับสโมสรชั้นนำของยุโรป อย่างบาร์เซโรน่า,โรม่า
แวร์เดอ เบรเมน ซึ่งทำให้เอซี มิลาน แข็งแกร่ง และก้าวขึ้นไปเป็นยอดทีมในยุคนั้นทันที

สำหรับผลงานในระดับชาติ แวน บาสเท่น สร้างชื่อของเขาในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ในปี 1988 ที่ประเทศเยอรมันตะวันตก ซึ่งช่วงแรกๆ เขาต้องเล่นเป็นแค่ตัวสำรอง แต่หลังจากนัดแรก แวน บาสเท่น ได้กลับมาเล่นเป็นตัวจริงและยิงได้ถึง 5 ประตู รวมถึงประตูดับเจ้าภาพเยอรมันในรอบตัดเชือกและลูกสุดสวยกับทีมชาติรัสเซีย ในนัดชิงชนะเลิศ และพาทีมคว้าแชมป์ยุโรปในปี 1988 ด้วย

ส่วนฟุตบอลโลกสำหรับแวน บาสเท่น ในปี 1990 ที่ประเทศอิตาลี ตอนนั้น ฮอลแลนด์ ไปในฐานะทีมแชม์ยุโรปและตัวเต็งอันดับ ต้นๆ แต่ต้องเจองานหนักตั้งแต่รอบแรกอยู่ร่วมสาย กับ อียิปต์,ไอร์แลนด์ และอังกฤษ ซึ่งฮอลแลนด์สร้างผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็สามารถผ่านเข้ารอบสอง ไปเจอกับเยอรมันตะวันตก ซึ่งถือเป็นการล้างตาจากฟุตบอลยูโร 88 ซึ่งคราวนี้ ทีมของแวน บาสเท่น ต้องแพ้ไป 1-2 ทำให้ต้องตกรอบอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้น แวน บาสเท่น พาทีมเอซี มิลาน คว้าแชมป์เป็นว่าเล่นไม่ว่า แชมป์กัลโช่ เซเรียอา,แชมป์ยูโรเปี้ยนส์ คัพ,แชมป์สโมสรโลก ฯลฯ และนักเตะยและตัวเขาเองยังคว้าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมของยุโรปได้ถึง 3 สมัยในปี 1988,1989 และ 1992 อดเยี่ยมของโลก ในปี 1992 เช่นกัน

แต่หลังจากนั้น โชคชะตา จะเล่นตลกกับ แวน บาสเท่น เมื่อมีปัญหาอาการบาดเจ็บ เล่นงานเรื้อรังไม่ว่าจะผ่าตัดกี่ครั้ง แต่แวน บาสเท่น ก็ไม่สามารถจะกลับมาเล่นฟุตบอลได้อีก แม้ฟุตบอลโลกในปี 1994 แวน บาสเท่น ก็ไม่สามารถฟิตทันได้ และแวน บาสเท่น ทนอาการบาดเจ็บไม่ไหว จนต้องประกาศแขวน สตั๊ดด้วยวัยเพียง 29 ปีเท่านั้น

แม้ว่า ผลงานในฟุตบอลโลกของ แวน บาสเท่น จะมีแค่ในฟุตบอลโลก ปี 1990 แค่ครั้งเดียว แต่ชื่อของเขา ยังเป็นที่รู้จักในวงการลูกหนังโลกและได้รับการยกย่องว่า เป็นกองหน้าที่ดีที่สุดของโลก ที่เคยมีมาอีกด้วย ปัจจุบัน แวน บาสเท่น กำลังจะกลับเข้าสู่ฟุตบอลโลกอีกครั้งที่ประเทศเยอรมันในปี 2006 แต่มาคราวนี้ เขามาในฐานะกุนซือทีมชาติฮอลแลนด์ ซึ่งพลพรรค อัศวินสีส้มได้รับการคาดหมายว่าเป็นทีมตัวเต็งอันดับต้นๆด้วย

ถึงกาลเวลาจะผ่านไปแค่ไหน แต่คงไม่มีใครลืมผลงานถล่มประตูอันสุดยอดของ ยอดศูนย์หน้าระดับโลกในตำนาน อย่าง มาร์โก แวน บาสเท่น คนนี้ได้อย่างแน่นอน


และเขายังเป็นหนึ่งในผู้เล่น 3 ทหารเสือของทีมชาติเนเธอร์แลนอีกด้วย



Cradit : http://soccer.mercigod.com
Cradit : http://www.rakball.net

วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559


ฟรังก์ ไรการ์ด

ฟรังก์ เอดมึนโด ไรการ์ด  (Frank Rijkaard)  เกิดเมื่อวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1962 เป็นอดีตผู้จัดการทีมฟุตบอลและอดีตนักฟุตบอลอาชีพชาวดัตช์ เขาเคยเล่นให้กับ อายักซ์  เรอัลซาราโกซา และเอ ซี มิลาน และลงเล่นให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ 73 นัด โดยทำประตูได้ทั้งสิ้น 10 ประตู สำหรับในอาชีพผู้ฝึกสอน ไรการ์ดเคยรับหน้าที่คุมหางเสือให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ สปาร์ตารตเตอร์ดัม  บาร์เซโลนา กาลาตาซาไร และทีมชาติซาอุดีอาระเบีย เขายังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอล เขาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดคนหนึ่งในบรรดานักเตะรุ่นเดียวกันอีกด้ว และยังเป็นหนึ่งในผู้เล่น 3 ทหารเสือของทีมชาติเนเธอร์แลนอีกด้วย  1.Frank Rijkaard 2.Marco Van Basten   3.Ruud Gullit

 


วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2559




เดนนิส เบิร์กแคมป์

คนแรก เดนนิส เบิร์กแคมป์ (Dennis Beckham) เขา  เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2512  ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ชื่อแด็นนิสนั้นเป็นชื่อที่พ่อตั้งให้เพื่อเป็นเกียรติแก่เดนิส ลอว์ อดีตกองหน้าชาวสกอตของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็

- เริ่มเล่นฟุตบอลครั้งแรกกับอาเอฟเซ อายักซ์ สโมสรบ้านเกิด จากนั้นจึงย้ายไปสโมสรอินเตอร์มิลานที่อิตาลีเมื่อฤดูร้อนปี พ.ศ. 2536

-ติดทีมชาติครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) ในนัดที่เนเธอร์แลนด์แพ้อิตาลีในบ้านไป 0 ต่อ 1

เดนนิส เบิร์กแคมป์

 เป็นผู้เล่นกองหน้าที่มีความสุขุมเยือกเย็น ไม่ค่อยปรากฏอารมณ์ฉุนเฉียวในเวลาเล่น มีรูปแบบการเล่นที่สวยงามและเฉียบคม กล่าวกันว่าเป็นผู้เล่นกองหน้าที่ดีที่สุดของเนเธอร์แลนด์นับตั้งแต่มาร์โก ฟัน บัสเติน เป็นต้นมา ในฟุตบอลโลก 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเนเธอร์แลนด์ได้อันดับ 4 ในการแข่งขันครั้งนั้น แบร์คกัมป์ก็เป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญของทีมด้วย
Credit รูปภาพ www.google.com